ห่างหายจากการเขียนบล็อกไปหลายเดือนเลย เนื่องจากติดงานจนไม่มีเวลาเข้ามาเขียนและก็ไม่รู้จะเขียนอะไรด้วยเนื่องจากไม่ได้ไปไหนหรือทำอะไรเลยนอกจาก งาน งาน งาน แต่วันนี้ว่างมาเขียนได้เพราะแพร์ได้ลาออกจากงานแล้ว แฮร่~~~ และก็ฉลองการลาออกจากงานด้วยการไปส่องอปป้ากันดีกว่า
โดยทริปเกาหลีนี้วางแพลนกันไว้กันตั้งแต่เดือนมิถุนายนว่าจะไปกันช่วงเดือนตุลาคม คิดว่าใบไม้น่าจะเริ่มเปลี่ยนสีแล้ว ซึ่งครั้งนี้ชาวคณะประกอบไปด้วยสามคน ซึ่งมีเราและเพื่อนอีกสองคน โดยจะแบ่งหน้าที่กันที่เพื่อนจะเป็นคนจองตั๋วเครื่องบินกับที่พัก เราจะวางแผนการเที่ยวและการเดินทางต่างๆเพราะคราวนี้พวกเราจะออกนอกเมืองกัน
มาพูดถึงเรื่องสายการบินกับที่พักกันดีกว่า สายการบินที่พวกเราใช้บริการครั้งนี้นั้นคือ Eastar Jet บินดึกถึงเช้า เวลาดีมาก ซึ่งก็ได้ราคามาที่คนละ 14,500 บาทไป-กลับ รวมกระเป๋า 15 กก.แล้ว โดยเพื่อนที่เป็นคนจองเคยบินสายการบินนี้แนะนำว่าให้รีบไปรอก่อนให้เปิดเช๊คอินเพื่อนที่จะซื้อที่นั่งแถวแรก จะได้ยืดขานั่งได้สบายเหมือนประมาณ hot seat ของแอร์เอเซียนั่นแหละ โดยจ่ายเพิ่มไปอีกคนละประมาณ $30 สำหรับไป-กลับ
ในส่วนของที่พักนั้น รอบนี้ก็พักย่านประจำอย่าง ฮงแด อีกเช่นเคย เพราะสะดวกต่อการเดินทางจากสนามบินและยังเป็นย่านที่มีครบทุกอย่าง พวกเราจองผ่าน Airbnb ดังนั้นเจ้าของที่พักเราจึงชื่อ Jinseok ซึ่งห้องนี่จะอยู่บนตึกที่ข้างล่างเป็น Dunkin' Donuts ตรง Exit 2 ขึ้นบันไดเลื่อนมาแล้วเจอตึกอยู่ซ้ายมือเลย สะดวกมาก ห้องก็สะอาด เป็นแบบ Duplex นอนได้ประมาณ 6 คน มี pocket wifi ให้ด้วย ตกแล้วคนละประมาณ 5,200 บาทสำหรับ 4 คืน
Day 1
หลังจากผ่าน ตม. มาได้ด้วยดี ก็พาเพื่อนไปซื้อบัตร T-Money แล้วก็ขึ้นรถไฟ Arex ไป ฮงแดกัน พอถึงที่พักก็จัดการเก็บกระเป๋า เราเลยถือโอกาสอาบนํ้าแต่งตัวใหม่เพื่อความสดชื่น แล้วก็ออกไปหาอะไรกินกันโดยที่พวกเราเลือกจะไปที่ Insadong กันเป็นที่แรกเพราะเพื่อนอีกสองคนยังไม่เคยไปกันทั้งคู่
พอไปถึงสิ่งแรกที่ทำก็คือเดินหาร้านอาหารกันจนไปได้ร้านอาหารเกาหลีอยู่ในซอย จริงๆมีหลายร้านน่ากินมากแต่ยังไม่เปิดเพราะยังเช้าอยู่ ส่วนอาหารนั้นสั่งมาสามอย่าง มีโบซัมหรือหมูสามชั้นต้มอย่างที่เห็นในรูปเนื่องจากแพร์อยากกิน มีซุปเต้าหู้ แล้วก็หมูผัดกิมจิ แถมฟรีด้วยซุปเต้าเจี้ยว ซึ่งแต่ละจานนี่ใหญ่มาก กินกันไม่หมด
กินเสร็จก็เดินเล่น ถ่ายรูปไปเรื่อยๆ แล้วก็ไปแถว Bukchon Hanok Village กันต่อ แต่ก็เดินหากันไม่เจอ จนเริ่มหิวอีกรอบเลยแวะขนมปัง คืออยากบอกว่า มันดีมากกกกกก.... ร้านนี้อบอวนไปด้วยกลิ่นขนมปังกับกาแฟ ชื่อร้าน Rolling Pin ซึ่งตอนที่ไปเนี่ยตรงกับช่วงพักกลางวันพอดี เลยมีอปป้าออนนี่แวะเวียนมานั่งกินกาแฟที่ร้านกันเยอะมาก ส่วนตัวหนมปังนั้นสั่งไป สามอย่าง อร่อยทุกอย่าง
หลังจากกินอิ่มอีกรอบก็เริ่มเดินหาหมู่บ้านฮันอกอีกครั้ง เดินไปเรื่อยๆจนในที่สุดก็เจอ ก็ถ่ายรูป พวกเราก็เล็งหาทำเลเหมาะๆ ถ่ายรูปกันเพลินๆ และก็ไปต่อกันที่ควังฮามุนเพราะตั้งใจจะไปร้านหนังสือ Kyobo เพราะในนั้นมีทั้งร้าน Artbox กับ Hottrack ประมาณว่ามีที่เดียวจบเลย ทั้งเรื่องติ่ง กับ ของจุกจิก หลังจากซื้อของเสร็จก็เดินข้ามถนนไปยังคลองชองกเยชอนกันต่อ โดยส่วนตัวแล้วชอบที่นี่นะ บรรยากาศดี อากาศก็ดี แต่มันมีแมลงตัวเล็กๆเหมือนพวกแมลงหวี่บินตอมหน้าตอบหัวบ้างเวลานั่ง คือไปมาสองรอบ ก็เจอทั้งสองรอบ ไม่รู้ว่าเป็นช่วงๆหรือเปล่า เพราะปีที่แล้วมาช่วงตุลาก็เจอแมลงนี้ตลอด
ต่อจากนั้นพวกเราก็มุ่งหน้าสู่มยองดง เพื่อไปช้อปปิ้งตามลิสต่างๆของแต่ละคน เพราะเราวางแผนกันไว้ว่าจะมามยองดงแค่วันนี้เท่านั้น ไม่ย้อนกลับมาอีกแล้วนะ ซึ่งลิสของเราที่ต้องการมากคือสกินแคร์ของยี่ห้อ COSRX เพราะดูมากจาก Beauty Bloggers ชาวเกาหลีมาเยอะแล้วคือทุกคนแนะนำแบรนด์นี้ ชอบแบรนด์นี้กันมาก เลยต้องมาตามล่าตาม พิกัดอยู่ที่ร้าน A Land ซึ่งได้มาครบทุกอย่างที่อยากได้ยกเว้นโฟมล้างหน้าตัวเดียว เอาไว้เดี๋ยวจะรีวิวให้ดูกันว่ามัน Worth the Hype or Not ^^
อีกนึงภารกิจที่พวกเราตามหากันคือ Stylenanda Pink Hotel ซึ่งถามว่าหาเจอไหม? คำตอบก็คือไม่ค่ะ!! คือเดินวนหลายรอบมากก็หาไม่เจอ จนยอมแพ้อ่ะ แบบไปสาขาฮงแดเอาก็ได้ ไม่ง้อก็ได้ จึงกลับห้องกันด้วยสภาพอิดโรย เป็นอันจบวันแรก
No comments :
Post a Comment